
นางแย้มป่า (Crinum asiaticum) เป็นพันธุ์พืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและมีการแพร่กระจายไปยังบริเวณเขตร้อนใกล้เคียง เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย นางแย้มป่าสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยในป่าดิบป่าเบญจพรรณ หรือ ชายป่าต่างๆ ที่มีความสูงไม่เกิน 1100 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยจะพบในที่โล่งที่มีความชื้นและใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีพุ่มทึบและมีความชื้นในดินสูงด้วย ลักษณะทั่วไปของนางแย้มป่าดังนี้
ลักษณะต้นและใบ
- นางแย้มป่าเป็นไม้พุ่มที่มีความสูงประมาณ 0.5-4 เมตร
- ลำต้นมีลักษณะสันสี่เหลี่ยมตรงๆ และไม่มีขนปกคลุม
- กิ่งอ่อนและต้นเปราะมีสีแดง, สีดำอมน้ำตาล
- ใบเป็นใบเดี่ยวที่ออกเรียงสลับตามข้อ และมีลักษณะเป็นใบรูปไข่กว้างหรือรูปหัวใจ โคนใบสอบแหลมและปลายใบแหลม
- ขอบใบมีซี่ฟันตื้นๆ, ใบกว้างประมาณ 4-20 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-25 เซนติเมตร
- ใบมีเส้นใบชัดเจนและขนสากระคายมือ
- ก้านใบยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร
ดอก
- ดอกจะรวมกลุ่มกันเป็นช่อในปลายกิ่ง
- กลีบเลี้ยงยาว 1-1.5 ซม., หลอดกลีบดอกยาว 1.5-2 ซม. ปากหลอดมีขนสั้นนุ่มและมีปื้นสีชมพูอมม่วง
- กลีบดอกเป็นสีขาวยาว 1-1.5 ซม
- มีเกสรเพศผู้ยาว 2.5-4 ซม. อยู่ 4-5 อัน
- ดอกมีกลิ่นหอมในตอนเช้า
ผล
- ผลมีรูปทรงกลมและเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร
- ผลอ่อนเป็นสีเขียวและเมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มและดำ
- ผลมีกลีบเลี้ยงสีแดงยาว 2-2.5 เซนติเมตรและมีเมล็ด 1 เมล็ด

ประโยชน์และสรรพคุณของนางแย้มป่า
- แก้ไข้
- ช่วยรักษาลำไส้อักเสบ
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้ไตพิการ
- ใช้ขับระดูในสตรี
- แก้เหน็บชา
- แก้ปวดข้อ
- แก้โรคเริม
- แก้โรคผิวหนัง
- แก้อาการปวดหัวข้างเดียว
- แก้ผื่นคัน
- รักษาโรคริดสีดวงทวาร
รูปแบบและขนาดวิธีใช้ : นางแย้มป่ามีหลายวิธีในการใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการต่างๆ ดังนี้
- ใช้รากแห้งมาต้มกับน้ำดื่มในการแก้ลำไส้อักเสบ, ไตพิการ, ขับปัสสาวะ, และแก้ไข้
- ใช้รากตากแห้งแล้วนำมาต้มกับน้ำดื่มในการรักษาปวดเอว, ปวดข้อ, และกระดูกสันหลังอักเสบ
- ใช้รากมาผสมกับน้ำปูนใสในการรักษาเริมและงูสวัด
- ใช้ใบสดทำเป็นบริเวณเพื่อรักษาโรคผิวหนังต่างๆ
- ใช้ใบมาซ้อนกัน 3-7 ใบแล้วใช้ห่อขี้เถ้าร้อนเพื่อแก้อาการปวดหัวข้างเดียว
- ใช้ใบและใบเครื่องเขาน้ำตำแล้วนำไปประคบศีรษะเพื่อแก้อาการปวดหัว
การขยายพันธุ์ของนางแย้มป่า
นางแย้มป่า สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด, การตอนกิ่ง, และการปักชำกิ่ง แต่วิธีที่ที่นิยมในปัจจุบันคือการขุดต้นอ่อนที่เกิดจากรากของต้นใหญ่ที่อยู่ใกล้ผิวดินมาปลูกเลี้ยง เพราะมีความสะดวกและเจริญเติบโตเร็วกว่าวิธีอื่นๆ แต่ทั้งนี้การขยายพันธุ์ของนางแย้มป่าส่วนมากจะเป็นการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติมากกว่าการนำมาปลูก เนื่องจากนางแย้มป่ายังไม่เป็นที่นิยมในการใช้งานอย่างแพร่หลาย และมักถูกใช้โดยหมอยาพื้นบ้านในการรักษาโรคต่างๆ แทนการนำมาปลูกเพื่อการค้นพบคุณสมบัติทางการแพทย์และสมุนไพรของนางแย้มป่าในการใช้งานแผนการรักษาต่างๆ ตลอดกาลของประชาชนในภูมิภาคที่พบเจอพืชนี้
รวบรวมสุดยอดสมุนไพร :: สมุนไพรโบราณ